พนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา แม้ว่าจะมีคนเที่ยวไม่มากเท่าเสียมเรียบ แต่ก็เป็นเมืองที่จัดได้ว่า sophisticated ที่สุด แน่นอนเป็นเพราะว่า กษัตริย์ของเขมรก็พักอยู่ที่นี่ และพนมเปญก็เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา ทุกอย่างของกัมพูชา เช่นเดียวกันกับเมืองหลวงอื่นๆ ของโลก

ตามที่ได้เล่าไปก่อนหน้านี้ โรงแรม Raffles Hotel Le Royal เป็นโรงแรมที่จัดได้ว่าพิเศษมากที่สุดของพนมเปญ ไม่ใช่แค่เพราะว่าเป็นโรงแรมหรูหราที่สุด บริการดีที่สุดเท่านั้น แต่เป็นโรงแรมเดียวที่มีประวัติยาวนานคู่กัมพูชาในช่วงที่มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นในศตวรรษก่อนหน้า หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญเหล่านั้นก็คือ การที่ได้ต้อนรับอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา Jacqueline Kennedy ในเดือนพฤษจิกายน 2510 ช่วงที่เธอเดินทางมากัมพูชา เพราะอยากจะมาชมนครวัด อันเป็น ‘lifelong dream’ ของเธอ ซึ่งการต้อนรับที่หรูหรามากมายครั้งนั้น นอกจากจะทำให้โรงแรมแห่งนี้มีห้องสวีทที่ตกแต่งและตั้งชื่อตามเธอ และมีเครื่องดื่ม Femme Fatale ที่คิดใหม่ให้เธอที่ the Elephant Bar ก็ยังมี Heritage Menu อาหารฝรั่งเศสหรูหรา ที่เป็นเมนูเดียวกันกับที่เสิร์ฟให้เธอในตอนนั้นด้วย พิเศษมากๆ ที่สุด

That Cambodia sojourn was part of her ‘lifelong dream’ of visiting the Angkor Wat. But deep in the tension of Vietnam War during those decades (1955-1975), her visit meant a lot more than just a trip. It was also partly a diplomat attempt to repair the Cambodia-US relations that had somehow turned sour when the US decided to get involved in the Vietnam War and Cambodia was concerned about the increasing threats of the wars (and the attempt of spying) spilling over to its territories. Even though Mrs. Kennedy (as she still was during her visit) had no official standing in the US government, her visit and reception was treated like one. Banquet after banquet, royal reception from then Cambodia’s Head of State Prince Norodom Sihanouk (he was not appointed as King until September 1993) was lavish and made headlines around the world. Life Magazine ran a five-page spread on the trip, a rarity during the time that most magazines printed only in black and white.

ช่วงที่คุณ Jacqueline Kennedy มาเยือนกัมพูชานั้น สงครามเวียดนาม (ที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2498 – 2518) กำลังร้อนระอุ และกัมพูชาโดยเฉพาะเจ้านโรดม สีหนุ ซึ่งตอนนั้นยังเป็น Head of State (พระองค์ท่านถูกแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์เมื่อปี พ.ศ. 2536) มีความชิงชังสหรัฐในยุคของประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดีมาก จนเมื่อเคนเนดี้ถูกอสัญกรรมในปี 2506 เจ้านโรดม ถึงกับแสดงออกถึงความดีใจ ดังนั้นการที่ Jacqueline Kennedy มาเยือนกัมพูชาในช่วงนั้น คือช่วงหลังจากสามีเธอถึงแก่กรรมแล้ว และเธอก็ไม่ได้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการในรัฐบาลสหรัฐฯ คือเป็นการเยือนแบบส่วนตัว จึงถือว่าเป็นความพยายามในการกระชับความสัมพันธ์ของสองประเทศนี้ เจ้านโรดม สีหนุต้อนรับเธอราวกับเธอเป็นผู้แทนประเทศ จัดงานเลี้ยงมากมาย มีการแสดงมากมายโดยเฉพาะวงดนตรีแจ๊สของพระองค์ ซึ่งเมื่อมองย้อนหลังชาวกัมพูชาจะเห็นภาพชัดขึ้น และจะเข้าใจว่าการมาเยือนของเธอนั้นมีความหมายมากกว่าความหรูหรา ฟู่ฟ่า การแต่งตัวสวย เพราะมันคือการเยือนทางการฑูตแบบเนียนๆ และได้ผลมากที่สุดครั้งหนึ่ง
นิตยสาร Life ของสหรัฐ ตีข่าวการมาเยือนครั้งนี้ของ Jacqueline Kennedy ทำเป็นภาพสีถึงห้าหน้า ซึ่งจัดว่าพิเศษมาก เพราะในยุคนั้นนิตยสารทั้งหลายยังคงพิมพ์เป็นขาวดำอยู่เลย

The 5-course French menu is US$100 net per person or US$135 net including wine pairing. This Heritage Menu is served for both lunch and dinner. As you can tell, this is haute cuisine even for the French. Exquisite and dainty and beautiful. Perfect for someone who wish for a royal meal at this elegant fine dining Restaurant Le Royal.
ขอให้ภาพเล่าเรื่องอาหารนะคะ ความสวยงามปราณีต รสชาติกลมกล่อมนวลเนียนของทุกจานในเมนู Heritage สมกับเป็นอาหารฝรั่งเศสชั้นสูง ทั้งเซ็ตมี 5 คอร์ส รวมชากาแฟ ราคา US$100 ถ้วนต่อท่าน เฉพาะอาหาร และ US$135 ถ้วนต่อท่าน รวมการจับคู่ไวน์ทุกคอร์ส สวยงามและพิเศษมากที่สุด สามารถมารับประทานได้ทั้งมื้อกลางวันและเย็นที่ห้องอาหารสวยมาก Restaurant Le Royal แห่งนี้ค่ะ
